กฎแรงดึงดูด กับความรักและการใช้ชีวิต
1. สิ่งใดก็ตามที่คุณคิดถึงอยู่เสมอและมีความเชื่อมั่น
จะถูกดึงดูดเข้าหาคุณเสมอ ฉะนั้นควรนึกถึงและเชื่อมั่นในแง่บวก
อย่าวิตกกังวลหรือนึกถึงแต่สิ่งเลวร้าย หรือความล้มเหลว
ถ้ากำลังนึกถึงเรื่องไม่ดีให้ตั้งสติ ปล่อยวาง อย่าวิตกกังวล กำหนดจิตเราให้ได้
เพราะคนที่วิตกกังวลจะตัดสินใจอะไรไม่ถูก และมันจะเคว้งคว้างหลงทางไปหมด
ให้คิดว่าเราปรารถนามันมาก เราคาดหวัง และมองเห็นภาพตัวเองไขว่คว้าความสำเร็จนั้น
ให้นึกภาพว่า เราได้มันมาแล้วและเรากำลังมีความสุขกับมันอยู่
จินตนาการหรือความคิดใดๆ ที่จะทำให้เรามีความสุขมโนให้หลุดโลกไปเลยก็ได้ค่ะ
ยังไงมันก็อยู่ในหัวในความคิดของเราเนี่ยแหละ ไม่มีใครว่าบ้าหรอก กำหนดจิต
กำหนดความคิดตัวเองให้ได้ เหมือนที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกว่าวไว้ว่า
"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ (Imagination is more important than knowledge) จงเชื่อมั่นว่าอย่างน้อยเรา ก็มีความฝันเล็กๆ
ในหัว และวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้น มันจะสำเร็จ ให้คิดแบบนี้เรื่อยๆ อย่าไปท้อ
อย่าคิดในเชิงลบที่ตรงกันข้าม ให้คิดแบบนี้ทุกวันเหมือนเป็นการกระตุ้นจิตใต้สำนึก
หรือสะกดจิตตัวเองให้เรามีแรงบันดาลใจที่จะทำในสิ่งที่เราฝันและให้ได้มาซึ่งความสุข
2. เกลียดอะไรได้สิ่งนั้น ให้เลิกเกลียดและเปลี่ยนซะ
จิตใต้สำนึกเป็นพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของมนุษย์
การที่เราเกลียดคนประเภทไหนก็มักจะดึงดูดเหนี่ยวรั้งคนแบบนั้นเข้ามาในชีวิต
เพราะจิตใจเรามัวแต่วนเวียนจดจ่ออยู่บนความเกลียดชังนั้น
(เกลียดคนแบบไหนก็ได้คนแบบนั้น จขกท.เคยเกลียดคนหล่อมาก จริงๆค่ะ
แล้วยิ่งเกลียดยิ่งเจอ) เพราะฉะนั้นให้เราปล่อยวาง เลิกเกลียด
(ความเกลียดเป็นราคะที่แรงกล้าและน่ากลัวมาก ทิ้งมันไปซะ) และเปลี่ยนมานึกถึงเสมอว่า
เราชอบคนแบบไหน หลงไหลคนแบบไหนแทน
(ความรักมีพลังงานแรงกล้ามหาศาลไม่แพ้ความเกลียดค่ะ
อยู่ที่เราว่าจะเลือกแบกอะไรไว้)
3. ตั้งใจฟังเสียงจากข้างใน เมื่อจิตและความคิดของคุณมีแต่เรื่องที่ดี
พลังงานบวกมากกว่าพลังงานลบ สมองคุณจะปลอดโปร่งและหลั่งสารแห่งความสุขออกมา
ให้คุณเริ่มตั้งใจฟังเสียงจากภายในแล้วลงมือทำตามสัญชาติญาณ (ต้องบวกนะ) เสียงนั้นอาจนำคุณไปยังที่ๆ หนึ่งเพื่อที่คุณจะได้พบกับสิ่งๆ
หนึ่งที่คุณอาจกำลังค้นหา หรือคนๆ หนึ่งตามที่ใจคุณปรารถนาก็ได้
เคล็ดลับในการคิดบวก
ให้รู้ซึ้งและขอบคุณทุกอย่างรอบตัวคุณแม้แต่เรื่องเล็กๆ เราคิดอะไร
รู้ค่าสิ่งไหน ก็จะได้สิ่งนั้น
การรู้สึกสำนึกรู้คุณสามารถนำพาความคิดจิตใจทั้งหมดของคุณไปใกล้ชิดกลมกลืนกับพลังสร้างสรรค์ของจักรวาลยิ่งขึ้น…ทันทีที่คุณรู้สึกกับสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วต่างไปจากเดิมคุณก็จะเริ่มดึงดูดสิ่งดี
ๆ เข้าหาตัวเองมากขึ้น สิ่งดี ๆ อีกมากมายที่คุณต้องรู้สึกขอบคุณ
จงขอบคุณสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วและพอใจแล้ว เช่น ร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง
เสื้อผ้าที่สวมใส่ เพื่อนที่ทำงาน อาหารที่ทาน มือถือ …ฯลฯ
แต่หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คุณไม่ต้องการก็ไม่ต้องนึกถึงมัน
เช่น ฉันไม่มีบ้าน ฉันไม่มีรถ ฯลฯ เอาแค่สิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว บางสิ่งอาจเป็นแค่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันเช่น อาหารที่ทานประจำทุก ๆ
เช้า แต่ลองคิดดูถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราไม่มีอาหารทานมันจะเลวร้ายซักแค่ไหน
…ฉะนั้นจงเริ่มมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวคุณด้วยมุมมองที่พิเศษ แล้วเริ่ม ขอบคุณ…
ขอบคุณ… ขอบคุณเช้าวันใหม่ ขอบคุณเตียงนอน ขอบคุณห้องน้ำ ขอบคุณฝักบัว ขอบคุณกระจก
ขอบคุณเสื้อผ้า ขอบคุณอาหารเช้า ฯลฯ
กฎแห่งการดึงดูด
เพื่อดึงดูดคนรัก
จาก “Secrets of Attraction: The Universal
Laws of Love, Sex and Romance” โดย Sandra Anne Taylor ตัวผู้เขียนนั้นเป็นที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาส่วนตัวมากว่า 25 ปีแล้ว เป็นนักบรรยายเกี่ยวกับกฎของการบันดาลให้เกิดขึ้น, กลไกทางพลังงานของการสำนึกรู้ และการเยียวยาทางจิตวิทยา-วิญญาณ
ในหนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องของพลังงานจักรวาล (Universal energy) และได้พยายามศึกษาว่าปรากฏการณ์เชิงพลังงานของโลกตามควอนตัมฟิสิกส์ (Quantum
physics) มีอิทธิพลต่อสัมพันธภาพของมนุษย์ (human
relationship) อย่างไร
ซึ่งสาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้ อาจกล่าวได้ว่า
กฎแห่งจักรวาล ในการดึงดูดความรักแบบที่เราต้องการเข้ามาในชีวิต
มีพื้นฐานมาจากการมองเห็นค่าในตัวเองอย่างแท้จริง
เป็นการนับถือตัวเราและชีวิตของเราเอง
เมื่อหัวใจของเราเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างแท้จริง ก็จะเกิดความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว
ความเห็นอกเห็นใจ ความอ่อนโยนต่อผู้อื่น จากนั้นจักรวาลก็พร้อมที่จะส่งความรักในแบบเดียวกันกลับมาให้เรา
ยิ่งเราสามารถปลดปล่อยตัวเราให้เป็นอิสระได้มากเท่าไร
เราก็จะยิ่งรับรู้ถึงความรักมากมายที่อยู่รอบตัวเรามากขึ้นเท่านั้น
ถ้าคุณต้องการดึงดูดความสัมพันธ์ในรูปบบใดก็ตาม
ต้องแน่ใจว่าทั้งความคิด คำพูด การกระทำ
และสภาพแวดล้อมของคุณไม่เป็นปฏิปักษ์ขัดแย้งกับความปรารถนาของคุณ
หน้าที่ของคุณก็คือรับผิดชอบตัวคุณเอง ถ้าคุณไม่เติมตัวเองให้เต็มก่อน
คุณก็ไม่มีอะไรที่จะให้คนอื่น เวลาที่คุณรู้สึกแย่กับตัวเอง
คุณกำลังปิดกั้นความรักและกำลังดึงดูดผู้คนหรือสถานการณ์ที่จะทำให้คุณรู้สึกแย่กับตัวเองเข้ามาเรื่อย
ๆ ปรับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นด้วยการมุ่งมองแต่ข้อดีของอีกฝ่าย ไม่ใช่ข้อเสีย
เมื่อคุณมุ่งคิดถึงแต่ข้อดีเหล่านั้น คุณก็จะได้พบข้อดีเพิ่มขึ้น
ที่มา : ชีวิตดีดี
-------------------------------------------------------------------------
หากชอบ และถูกใจ กดแชร์ แบ่งปันกันไปนะคะ ^^